แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เชียร์บอล แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เชียร์บอล แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

5 ประเด็นเด่นเกม บาเยิร์น มิวนิค แพ้ เรอัล มาดริด 1-2

5 ประเด็นเด่นเกม บาเยิร์น มิวนิค แพ้ เรอัล มาดริด 1-2 ตอนที่2 3.มาดริด ใช้โอกาสไม่เปลือง ถือเป็นเกมเชียร์บอลที่บาเยิร์นเหนือกว่าทั้งการครองบอลจากสถิติ 58% - 42% และโอกาสจบสกอร์ที่มากกว่าจำนวน 10 ครั้ง แบ่งเป็นตรงกรอบ 5 ครั้ง ได้ 1 ประตู ขณะที่ราชันชุดขาว มีโอกาสจบเพียง 6 ครั้ง ยิงตรงกรอบ 4 หน ได้ 2 ประตู ซึ่งจุดนี้เองเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มาดริดยังคงเอาตัวรอดมาได้แม้วันที่รูปเกมเป็นรองคู่แข่งก็ตาม ส่งผลให้พวกเขายังมีสถิติข่มบาเยิร์นในช่วงหลัง เมื่อพวกเขาเอาชนะ 6 เกมหลังสุดที่เจอกับเสือใต้ โดยยิง 15 ประตู และเสียแค่ 5 ลูก 4.ซีดาน เปลี่ยนเกมเป็นผล การถอดเอา อีสโก้ ออก แล้วส่ง มาร์โก อเซนซิโอ ในครึ่งหลังถือเป็นการตัดสินใจเชียร์บอลที่ถูกต้องอีกครั้งของ ซีเนดีน ซีดาน หลังอดีตดาวเตะมาลาก้าโชว์ฟอร์มไม่ออกในครึ่งแรกก่อนที่ อเซนซิโอ จะแผลงฤทธิ์หลังอยู่ในสนามเพียง 12 นาทีเท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่มักจะโชว์ฟอร์มได้ดีเมื่อได้รับโอกาสลงเป็นตัวสำรอง และมักจะถูกโฉลกในรายการนี้ 5.ลิเวอร์พูล ไม่ต้องกลัวใคร เชียร์บอลหากหงส์แดงสามารถผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ตามความคาดหมาย ซึ่งทั้งมาดริด และบาเยิร์น เองดูจะมีจุดอ่อนอยู่ที่เกมรับทั้งคู่ เมื่อต้องมาเจอกับลิเวอร์พูลที่มีแนวรุกกำลังจัดจ้านในตอนนี้ก็น่าจะต่อกรกับกับ 2 ทีมนี้ได้ดีเลยทีเดียว

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561

5 ประเด็นเด่นเกม บาเยิร์น มิวนิค แพ้ เรอัล มาดริด 1-2

5 ประเด็นเด่นเกม บาเยิร์น มิวนิค แพ้ เรอัล มาดริด 1-2 ตอนที่1 เชียร์บอลเรอัล มาดริด สามารถบุกไปคว้าชัยเหนือบาเยิร์น มิวนิค 2-1 ในฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบรองชนะเลิศ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา นับเป็นสกอร์เดียวกันที่ บาเยิร์น เคยแพ้เมื่อซีซั่นที่แล้วให้แก่ชุดขาวที่บ้านของตัวเอง ทำให้ทัพราชันชุดขาวกุมความได้เปรียบก่อนกลับไปเล่นให้บ้านตัวเองสัปดาห์หน้า เราจะพาไปติดตาม 5 ประเด็นน่าสนใจในเกมนี้ว่ามีอะไรบ้างที่ทำให้ราชันชุดขาว พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะได้ 1.บาเยิร์น มิวนิค โชคร้าย นอกจากเสือใต้จะไม่มีผู้เล่นตัวหลักอย่าง มานูเอล นอยเออร์ ที่บาดเจ็บยาว และ ดาวิด อลาบา ที่มีอาการบาดเจ็บตอนซ้อม เกมนี้ยังต้องมาเสียสองผู้เล่นตัวหลักทั้งเกมรุกและเกมรับเพิ่มไปอีก ทั้ง อาร์เยน ร็อบเบน และ เยโรม บัวเต็ง จากอาการบาดเจ็บในช่วงครึ่งเวลาแรก ก่อนจะเป็น ติอาโก้ อัลคันทาร่า กับ นิคลาส ซูเล่ ลงมาเล่นแทน ส่งผลให้เชียร์บอลเกมรุกภาระตกเป็นของ ฮาเมส โรดริเกซ และ ฟร้องค์ ริเบรี่ ที่ต้องทำหน้าที่เป็นตัวป้อนให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จบสกอร์ ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญที่ทำให้พวกเขาต่อกรกับราชันชุดขาวได้ไม่ดีพอ 2.วันที่ โรนัลโด้ เล่นไม่ออก ในวันที่เชียร์บอล คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โชว์ฟอร์มไม่ออก หลังเจ้าตัวยิงไม่ตรงกรอบเลย นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2017 นอกจากนี้ยังเป็นการหยุดสถิติยิงติดต่อกันทุกนัดในชปล.ซีซั่นนี้ โดยซัดไปแล้ว 15 ประตูนำเป็นดาวซัลโว อย่างไรก็ตามกองหน้าทีมชาติโปรตุเกสกลายเป็นผู้เล่นที่ลงสนามแล้วทีมคว้าชัยมากที่สุดในรายการนี้ที่จำนวน 96 นัด ทำลายสถิติของ อีเกร์ กาซียาส ที่ทำไว้ 95 นัด

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2561

หมดเวลาคอนเต้?

หมดเวลาคอนเต้? : 10 กุนซือที่มีโอกาสคุมทัพสิงห์บลูส์ฤดูกาลหน้า ตอนที่ 9 หากชาร์ดิมคุมเชลซี มันอาจเป็นผลดีสำหรับ ติเอมูเอ้ บากาโยโก้ อดีตลูกน้องเก่าด้วย กุนซือเชียร์บอลโปรตุเกสเก่งในการเสาะหาผู้เล่นคุณภาพเยี่ยมราคาเยา และนำมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ด้วยแท็กติกที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมมันคือความหลากหลายที่ฟุตบอลสมัยใหม่พึงมี ชาร์ดิมเพิ่งขยายสัญญากับโมนาโกไปเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว พร้อมรับค่าเหนื่อย 3.5 ล้านปอนด์ต่อปี ไปจนถึงปี 2020 (ค่าฉีกสัญญา 6.5 ล้านปอนด์) มันเป็นตัวเลขที่ไม่สะเทือนขนหน้าแข้ง "เสี่ยหมี" แน่ หากเขาต้องการตัวจริงๆ และนั่นทำให้สื่อบางรายยกให้เขามีภาษีเหนืออัลเลกรีเสียอีก ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ (48 ปี, อิตาลี) สังกัดปัจจุบัน : โรม่า (สัญญาสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2019) แชมป์ในฐานะผู้จัดการทีม : ซาสซูโอโล่ (แชมป์เซเรีย บี : 2012/13) อีกหนึ่งกุนซือเชียร์บอลอิตาเลียนที่อยู่ในลิสต์นี้ ดิ ฟรานเชสโก้ โดดเด่นขึ้นมาจากผลงานนำโรม่าตะลุยแชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลนี้ และนั่นเป็นสิ่งที่ "สิงห์บลูส์" ประจักษ์กับตามาแล้ว จากการเจอกันในรายการดังกล่าว สไตล์การทำทีมของกุนซือเชียร์บอลวัย 48 ดูเหมือนมีส่วนผสมระหว่างลิเวอร์พูลของคล็อปป์และเชลซีของคอนเต้ ด้วยการเพรสซิ่งหนักและผ่านบอลอย่างแม่นยำ รวมถึงความหลากหลายทางแท็กติกที่พร้อมปรับเล่นแบ็กทรีหรือแบ็กโฟร์ได้ตามสถานการณ์ แต่ไม่ว่าเล่นแบบไหน ปรัชญาลูกหนังของเขาคือ การเปิดเกมรุกอันเร่าร้อนเข้าใส่คู่แข่ง หมดเวลาคอนเต้? : 10 กุนซือที่มีโอกาสคุมทัพสิงห์บลูส์ฤดูกาลหน้า ตอนที่ 10 สื่อในอังกฤษบางราย มั่นใจว่า ดิ ฟรานเชสโก้ คือจอมเชียร์บอลเทคนิคคนใหม่ที่ตกเป็นเป้าหมายของ "เสี่ยหมี" กระนั้น ดูเหมือนนายใหญ่อิตาเลียนยังไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้นัก และมุ่งมั่นกับฤดูกาลอันสุดวิเศษกับต้นสังกัดมากกว่า "ผมกับเชลซีนะหรือ? ผมมีแค่โรม่าอยู่ในหัวเท่านั้น ผมมีสมาธิกับเรื่องที่จริงจัง เราต้องสร้างความมหัศจรรย์เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จ" หนึ่งในยอดโค้ชที่กำลังมาแรงในตอนนี้ และหากมาเชลซีจริง เราจะเห็นสิงห์บลูส์เวอร์ชั่นเอนเตอร์เทนอย่างแน่นอน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ (47 ปี, อาร์เจนตินา) สังกัดปัจจุบัน : แอต.มาดริด (สัญญาสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2020) แชมป์ในฐานะผู้จัดการทีม : เอสตูเดียนเตส ลา ปลาต้า (แชมป์อเปอร์ตูร่า : 2006) ริเวอร์เพลท (แชมป์เคลาซูร่า : 2008) แอต.มาดริด (แชมป์ลา ลีกา : 2013/14, แชมป์ซูเปร์โกปา : 2014, แชมป์ยูโรปา ลีก : 2011/12, แชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ : 2012) ความทุ่มเทและดุดันของซิเมโอเน่เป็นสิ่งที่แฟนบอลคุ้นชินมานานหลายปี หากบอกว่า "ตราหมี" ในยุคนายใหญ่อาร์เจนไตน์คือหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของสโมสรในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมาก็คงไม่ผิดนัก "เอล โชโล่" พิสูจน์ให้เห็นถึงฝีไม้ลายมือมานานทั้งในสเปนและภาคพื้นยุโรป